‘ดุลยภาค ความรอบรู้รัชช’ พินิจพิจารณา 2 ความเป็นไปได้ในจีน เรื่องกระแสข่าวลือรัฐประหาร ‘สีจิ้นผิง’
ช่วงวันที่ 26 ก.ย. รศ.ดร.ดุลยภาค ความรอบรู้รัชช รองผู้อำนวยการสถาบันทวีปเอเชียทิศตะวันออกเรียนรู้ คุณครูโครงงานเอเซียอาคเนย์เรียน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้เผยแพร่ข้อเขียน เรื่อง “รัฐประหารเงียบในจีน“ วิหนวดเคราห์ข่าวโคมลอยหัวข้อการรัฐประหาร ผู้นำสีจิ้นผิงในจีน โดยมีเนื้อหาทั้งปวงดังต่อไปนี้
“เรื่องกระแสข่าวลือการยึดอำนาจสีจิ้นผิงในจีน ผมมีความเห็นว่ามีคำชี้แจงสองวิถีทางสำคัญๆ
1. ถ้าเกิดเป็นข่าวเลียนแบบ คำชี้แจงจะมีลักษณะที่ว่าสีจิ้นผิงก็แค่อยู่ในตอนกักบริเวณวัววิดข้างหลังเดินทางกลับจากอุซเบกิสถาน ความเงียบของท่านสีในทางการบ้านการเมืองก็บางทีอาจเกิดเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนสัมมนาคณะผู้แทนใหญ่พรรคลัทธิคอมมิวนิสต์ช่วงเวลากลางเดือนหน้าซึ่งสโมสรกับการยืดอายุอำนาจของท่าน คนใดกันทำรัฐประหารในจีนก็อาจจะไม่ใช่ง่ายนักเพราะเหตุว่าการเคลื่อนพลจำเป็นต้องผ่านความเห็นคณะกรรมาธิการกึ่งกลางทหารซึ่งสีจิ้นผิงเป็นประธานอยู่ สีจิ้นผิงเป็นทั้งยังผู้นำ เลาขาธิการพรรคลัทธิคอมมิวนิสต์ และก็ผู้ควบคุมกองทัพพูดได้ว่า “เมือง พรรค กองทัพ” ตกอยู่ใต้อำนาจของสีอย่างมาก ยากนักที่ฐานอำนาจของท่านจะคลอนแคลน มิหนำซ้ำ สีเองก็มีนโยบายหลายประการที่ดันจีนให้เป็นมหาอำนาจสุดยอด มีแผนการหนึ่งแถบหนึ่งทาง หรือ BRI ที่สร้างจุดแปลงให้กับระบบภูมิรัฐศาสตร์โลก ด้วยเหตุดังกล่าว ด้วยผลงานเชิงแนวทางเป็นจำนวนมากก็อาจจะมีฐานนักธุรกิจหรือประชากรที่รู้สึกชื่นชอบหรือพร้อมปกป้องรักษาแผนการของท่านสีอยู่ไม่น้อย
2. แม้กระนั้นหากเป็นข่าวจริง หรือ พอเพียงมีมูลให้เชื่อมั่นอยู่บ้าง คำชี้แจงจะเน้นย้ำว่าห้วงที่สีเดินทางไปอุซเบกิสถานนับว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่จะยึดอำนาจ ด้วยเหตุว่าเป็นการเดินทางออกต่างถิ่นคราวแรกของสีในรอบสองปี สีเองก็บินกลับจากอุซเบกิสถานแบบทันควันก่อนแล้วก็เขาก็หายเงียบไปนับจากนั้นมา การยึดอำนาจหัวหน้าระดับค่อนข้างสูงก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับการเมืองจีน แรงวจื่อหยาง อดีตกาลรองประธานพรรครวมทั้งเลขาธิการพรรคระบอบคอมมิวนิสต์จีนเคยถูกกำจัดด้านการเมืองและก็โดนจับจับให้อยู่แต่ว่าในบ้านพักทั้งชีวิต หากแม้สีจะจับอีกทั้งเมือง พรรค กองทัพ จนถึงยากที่ผู้ใดกันจะล้มอำนาจของสี แต่ว่าหากแนวร่วมโครงข่ายอำนาจของอดีตกาลหัวหน้าสูงสุดของจีนที่มากบารมี ตัวอย่างเช่น เจียงเจ๋อหไม่น หูจิ่นเทา ร่วมกับกรุ๊ปหัวหน้าพรรคและก็เมืองขั้นสูงที่พึ่งพิงถูกสีกำจัดอำนาจและก็ฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายไปหมาดๆบวกกับแม่ทัพนายกองที่บางทีอาจไม่สบอารมณ์หน้าที่ของสีในคณะกรรมาธิการกึ่งกลางทหาร ก็บางทีอาจกำเนิดกลุ่มที่อำนาจที่ทรงประสิทธิภาพพอที่จะงัดข้อหรือล้มอำนาจสีได้
มิหนำซ้ำ การที่สีแหวกขนบการสืบสานอำนาจจีนด้วยการต่ออำนาจเป็นยุคลำดับที่สามแล้วก็การเปลี่ยนขนบธรรมเนียมระบบหัวหน้าร่วม (Collective Leadership) ที่เป็นหลักปฏิบัติสำหรับเพื่อการตกลงใจด้านการเมืองในสมัยก่อนหน้า อย่างเช่นในยุคเจียงเจ๋อหไม่น มาเป็นแบบหัวหน้าคนเดียวที่อำนาจตกลงใจสำคัญๆจะอยู่ในมือของสีจิ้นผิงแต่เพียงผู้เดียว ก็ย่อมสร้างความรู้สึกไม่พอใจต่อกรุ๊ปการบ้านการเมืองบางพวกกระทั่งจำเป็นต้องรวมพลังกันเพื่อถ่วงดุลหรือล้มอำนาจสี แล้วก็การยึดอำนาจชิงการสัมมนาคณะผู้แทนใหญ่ที่จะมีขึ้นช่วงกลางเดือนหน้าก็นับว่าเป็นในเวลาที่ประจวบเหมาะยิ่งนัก
ส่วนตัว ผมเองรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่สีจะถูกรัฐประหารเกิดเรื่องที่ไม่บางทีอาจฟันธงได้แบบหนักแน่นนักรวมทั้งมีเปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึ้นได้น้อยด้วย นักวิชาการจำนวนหลายชิ้นก็ฟังธงว่าเรื่องรัฐประหารสีจิ้นผิงเป็นข่าวเลียนแบบแน่ๆ แต่ว่าถ้าเกิดพวกเราจะกล่าวว่ารัฐประหารในบริบทนี้ คือ กระบวนการทำรัฐประหารเงียบที่มีการริบอำนาจสีในบางตำแหน่งหรือเล็กน้อยเพื่อนำไปสู่การจัดส่วนประกอบอำนาจใหม่ในระบบการบ้านการเมืองจีน เป็นการกักคุมท่านหัวหน้าแล้วก็คนสนิท มากยิ่งกว่าจะมีการเขยื้อนรถถังปิดจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั่วกรุงปักกิ่งรวมทั้งปิดทางบิน ทางเดินรถกันแบบขนานใหญ่ มันก็บางทีอาจพอเพียงมีมูลให้พินิจพิจารณาต่อกันได้บ้าง
ในส่วนประกอบแบบเมืองพรรค (Party State) ของจีน ที่มีเมือง พรรค กองทัพ เป็นร่างกายสำคัญนั้น อำนาจเมืองมาจากปลายกระบอกปืน แม้กระนั้นพรรคจะจำต้องคุมกระบอกปืนไว้ให้มั่น ในเงื่อนยังไงอย่างนี้ กองทัพไม่ใช่สถาบันการเมืองที่เอกภาพบัญชาการตกอยู่ในมือของหัวหน้าเหล่าทัพแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ว่าจะมีหัวหน้าพรรคเข้ามาควบคุมสายบัญชาการของกองกองทัพด้วย ในการนี้ การก่อรัฐประหารโดยกองทัพก็เลยทำเป็นยากเพราะว่ากองทัพไม่สามารถที่จะแยกขาดจากพรรคได้ แต่ ถ้าขั้วอำนาจที่ผนึกกำลังกันเพื่อตัดทอนอำนาจสี ดังเช่น มีกรุ๊ปขั้วชนชั้นนำที่อยู่ในส่วนประกอบเมือง พรรค และก็ กองทัพ ที่ไม่สบอารมณ์การรวมอำนาจที่มากไปแล้วก็ช่วงเวลาการปกครองนานไปของสี ร่วมมือผสานพลังแบบโยงใยผ่านสถาบันการเมือง มันก็บางทีอาจมีการรวมตัวกันในขั้วอำนาจนี้เพื่อควบคุมบีบให้สีจะต้องลงจากตำแหน่งหรือยอมลดหน้าที่ด้านการเมืองลงบ้าง ถ้าเกิดเป็นการบีบให้สีลงจากทั้งยังตำแหน่งสูงสุดในพรรค เมืองรวมทั้งกองทัพ ก็จะต้องใช้กำลังวังชาเป็นอย่างมากแล้วก็มีการเสี่ยงสูงมากมาย แม้กระนั้นหากตัดสีออกมาจากตำแหน่งบางจุด ดังเช่น ให้หลุดจากวงกองทัพแค่นั้น ก็บางทีอาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังเดินทางมากนัก แต่ว่าก็ย่อมมีการเสี่ยงอยู่ ด้วยเหตุว่าตอนนี้ผู้ที่อยู่ในสายของท่านสีก็เข้าควบคุมตำแหน่งสำคัญในกองทัพอยู่มากมาย แต่ว่าก็ใช่ว่าประเด็นนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย (มีข่าวสารแว่วเช่นกันว่าผู้นำกองทัพจีนนิดหน่อยไม่ชอบใจสีเกี่ยวกับหลักการโต้กลับสหรัฐอเมริการวมทั้งไต้หวัน รวมทั้งแนวทางความยั่งยืนและมั่นคงจีนที่มีต่ออินเดียรวมทั้งเรื่องแนวโน้มทีท่าจีนที่มีต่อการทำศึกรัสเซีย-ยูเครน)
ถ้าเกิดเป็นตามกระแสข่าวลือที่ว่าสีถูกให้ออกจากวงควบคุมในกองทัพจริง ก็จะต้องพินิจพิจารณาต่อว่าต่อขานคนใดกันแน่จะขึ้นมากุมกองทัพปลดปล่อยราษฎรจีน กรณีนายพลลี่ (Li Qiaoming) (ที่กำลังเป็นข่าวว่าจะเข้ามามีอำนาจสูงสุดในกองทัพจีน) ก็มาจากกองทัพยุทธรอบๆภาคเหนือ แต่ว่าตำแหน่งแม่ทัพภาคจะพอเพียงให้เขาขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในกองทัพจีนได้ไหม เพราะเหตุว่าไม่ใช่ตำแหน่งที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดในกองทัพ นอกเสียจากนายพลท่านนี้จะมีพลังพิเศษทางด้านการเมืองอื่นๆเป็นตัวช่วย
นะครับ พวกเราไม่ทราบชัดแจ้งว่าจะเชื่อข่าวสารรัฐประหารเงียบในจีนได้มากเพียงใด การไขปัญหาที่ดีเยี่ยมที่สุดเป็นการปรากฎตัวของสีในที่ชุมชน กระนั้น เรื่องที่สีจะถูกยึดหรือตัดทอนอำนาจก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันในวงวิชาการ ปีที่ผ่านมา Lowy Institute สถาบันห้องสมุดทางที่มีความสำคัญในการรบในประเทศออสเตรเลียเคยพินิจพิจารณาความน่าจะเป็นไปได้เกี่ยวกับการสืบสานอำนาจของสี ซึ่งมีทั้งยังแบบที่สีลงจากอำนาจในปี 2565 และก็เปลี่ยนแปลงผ่านการบ้านการเมืองแบบเป็นระเบียบ แบบที่ว่าสีจะยืดอายุอำนาจแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยคิดแผนลาออกสำหรับการสัมมนาพรรคครั้งที่ 21 หรือ 22 ซึ่งก็คือปี 2570 กับ 2575 หรือ การที่สีถูกท้าอำนาจและก็บางทีอาจถูกรัฐประหาร รวมทั้งต่อให้การที่สีเสียชีวิตแบบทันควันโดยไม่ทันคาดการณ์ การคาดเดาของโลวี ส่วนใดส่วนหนึ่งคงจะมาจากการเห็นกระแสคลื่นใต้น้ำที่มีข้างการบ้านการเมืองไม่น้อยที่ไม่สบอารมณ์การรวมอำนาจที่มากไปของสีและก็ส่วนหนึ่งส่วนใดก็มาจากตัวแบบของปัญหาเกี่ยวกับการตกทอดอำนาจที่พบเจอได้ทั่วๆไปในเมืองเผด็จการต่างๆทั้งโลกและในประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองจีนยุคใหม่
นอกนั้น ในหนังสือเรื่อง “China Coup” ของ Roger Garside นักวิชาการทางการเมืองการทูตจีน ซึ่งพิมพ์โดย University of California Press เมื่อปี 2564 ก็พินิจพิจารณาไว้ว่าผู้นำสีจิ้นผิงจะถูกรัฐประหารโดยคู่แข่งขันทางด้านการเมืองในเร็วๆนี้ โดยต้นสายปลายเหตุหลักมาจากความเชื่อมั่นสำหรับเพื่อการรวบอำนาจที่มากไปของสี ทำให้สีมีศัตรูการบ้านการเมืองจำนวนหลายชิ้น ถึงแม้ Garside จะคิดว่าข้างหลังรัฐประหารสี จีนจะเปลี่ยนแปลงสู่ระบบประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น (ซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นแบบที่ Garside ดูไหมหรือจีนยังคงเป็นเมืองเผด็จการพรรคดังเดิม) แม้กระนั้นการถกเถียงด้านวิชาการรวมทั้งข้อมูลในหนังสือของ Garside ก็มีน้ำหนักเชื้อเชิญให้มองเห็นถึงปัญหาเชิงส่วนประกอบอำนาจแล้วก็เกมการบ้านการเมืองชนชั้นนำจีนไม่ใช่น้อยกระทั่งดูเหมือนทางต่ออำนาจของสีย่อมมีปัญหาขัดขวางอยู่เป็นระยะ
ในที่สุดถึงแม้ข่าวสารรัฐประหารจีนจะใช่หรือเท็จ หรือจริงนิดหน่อยเท็จนิดหน่อย แต่ว่าฉากทัศน์เกี่ยวกับการยึดอำนาจหรือการทอนอำนาจของสีก็ได้ก่อรูปขึ้นแล้ว ทางการบ้านการเมืองของสีจากนี้ไป น่าระทึกยิ่งนัก”
ย้อนอ่านข่าวสารที่เกี่ยว
ลือแพร่! ‘สี จิ้นผิง’ หัวหน้ามีอำนาจของจีนถูกกักตัวในบ้านพัก – ถูกปลดจากตำแหน่งผู้นำกองทัพ
สื่อรายงาน เที่ยวบินในจีน ถูกยกเลิก ‘ไม่รู้จักต้นเหตุ’ กว่า 1 หมื่นไฟลต์